[Vietnam] : Hoi An (ทำไม)ต้องรักเธอ



 "ทำไมต้องรักเธอ 
ไม่เคยแม้แต่จะคิดและเราก็ไม่เคยฝัน
ว่าเธอกับฉันนั้นต้องมาเดินด้วยกัน
มันเป็นแบบนั้นได้ยังไง 
ไม่เคยสักนิดที่คิดจะรักเธอ"...

(ขณะที่เขียนอยู่ บทเพลง 'ทำไมต้องรักเธอ' ก็ลอยว๊าบเข้ามา เฉย !)


(Hội An) ฮอยอัน โห่ยฮาน เมืองสีมัสตาร์ด เมืองมรดกโลก เมืองสโลว์ไลฟ์ เมืองสุดชิค เมืองท่าบนปากแม่น้ำทูโบน เมืองท่าที่เคยใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และชื่อเล่นอีกมากมายจากเหล่าผู้คนที่ได้หลงเข้าไปในเมืองนี้ 

เมืองเล็กๆ ที่มอบความประทับใจให้เรากลับบ้าน ได้อย่างใหญ่โตมว๊ากกกก



..

01: กว่าจะถึง ฮอยอัน 

ฮอยอัน เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ตอนกลางของเวียดนาม ที่ยังไม่มีสนามบิน 

จากไทยไปฮอยอัน จะต้องบินไปลงที่ Danang international Airport (DAD) เมืองดานัง (Danang) อีกหนึ่งเมืองท่าใหญ่หลักที่สำคัญของเวียดนามกลาง และยังเป็นเมืองที่ได้รับขนานนามว่า  'ยุโรปแห่งเอเชีย' 

จากดานัง ยังต้องนั่งรถไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมง ถึงจะถึงฮอยอัน  

Han River เมืองดานัง



นาทีแรกที่เหยียบประตูทางออกสนามบินดานัง ถ้าใครที่ยังไม่ได้มีการจองรถใดๆไว้ แนะนำก่อนเลยว่า ให้ไปหานั่งร้านกาแฟนั่ง จิบน้ำ กินขนมเติมพลัง และนั่งหาข้อมูลเรื่องการเดินทาง และราคา ตามบอร์ด พูดคุยต่างๆ ให้ดีก่อน! อย่าพึ่งเดินพุ่งเข้าไปหา รถแท๊กซี่ที่จอดเรียงรายกันหน้าประตูกันเป็นตับ ! เพราะทีนี้ การโดน Overprice charge การเดินทาง คือเรื่องฮอตฮิตระดับตำนาน 
(พอๆกับบ้านเรา -*-)


แนะนำที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงความปวดหัว คือ ใช้ Grab  (app เดียวกันกับที่ไทย) ผูกตัดบัตร credit ไปเลยยิ่งดี จบๆไม่ต้องรอทอน  เท่าที่เห็น เรทกลางที่ควรจะเป็นสำหรับ Local taxi จาก Danang Airport ไป Hoi An จะอยู่ประมาณ 300,000-400,000 VND ซึ่งถ้าไปมากกว่า 1 คนขึ้นไป แท๊กซี่คือทางเลือกที่ดี




แต่สำหรับเราที่ไปคนเดียว ตัวเลือกที่ประหยัดที่สุดก็คงหนีไม่พ้น รถประจำทาง เบ็ดเสร็จจจะตกอยู่คนละประมาณ 120,000 VND ซึ่งถูกกว่า แท๊กซี่ เย๊อะะะ  แต่เหมาะคนสัมภาระไม่เยอะ เป้ backpack ใบเดียวงี้นะ บนรถไม่มีที่เก็บกระเป๋า

และนี่คือ Step การเดินทาง สำหรับผู้รอดการโดนหลอก 555 (โคตรปวดหัว)

Step 1. จากสนามบินให้เปิด grab ปักหมุดไปที่ Han Market เพื่อไปป้ายรถรถประจำทาง สาย 1 ปลายทาง Hoi An   Grab rate จะอยู่ประมาณ 65,000 VND รวมค่าเรียก แต่ถ้าคิดจะหัวหมอเดินไปต่อราคากับ Local taxi แล้วละก็ โคตรคิดผิด เพราะนี่ไปลองมาแล้ว โดนตอกกลับมาที่ 100,000 VND ถึงกับสะบัดหน้าหนี พร้อมกับพูด "I can take Grab"  หมั่นไส้ ! (ตอนยืนรอ grab ใจก็กลัวจะโดนกระทืบ)

Step 2 : พอถึง Han Market อาจจะเดินแวะถ่ายรูปเล่นตรงแม่น้ำ HAN ดูวิวเมืองดานัง ซักหน่อย มองเห็นสะพานมังกรที่เป็นไฮไลท์ของเมืองดานังด้วยนะ  หลังจากนั้นให้เดินไปถนน Duong Tran Phu หรือ search Google map ปักหมุด ' DD 155 tran phu ' เป็นหนึ่งป้ายรถประจำทางที่เราหาเจอใน google map จะบอกเวลาที่รถจะเข้าด้วย ป้ายนี้จะมีรถเข้ามาด้วยกัน 3 สาย 
.. อย่าขึ้นผิดนะ  ท่องไว้ สาย 1 Danang - Hoi An  (Ben Xe Hoi An)..

Step 3 : ที่ Hoi An จุดจอดรถประจำทางจะอยู่นอกเมืองนิดๆ ห่างจากตัวเมืองหลัก Hoi An Ancient town ประมาณ 1.5 กิโลเมตร ซึ่ง confirm เลยว่า เดินได้ !! สบายๆ พอถึงให้ลองเช็คระยะทางที่พักตัวเองก่อน เพราะเมื่อวินาทีที่เดินลงมาจากรถ จะมีคน local เข้ามาชาร์ททันที และบอกยูว่า "this is not Hoi An , where is your hostel" พร้อมกับชี้ไปที่ รถมอเตอร์ไซด์ ไอ้เรานี่มองหน้านิ่ง เหวี่ยงๆ  ยิ่งง่วงอยู่นะลุง เดวววววววว !  

ระยะเวลาบนรถจะอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง ค่ารถอยู่ที่ 50,000 VND  ขึ้นอยู่กับช่วงเวลา traffic 
รถประจำทาง ก็ เป็นสไตล์รถเมล์แบบไม่มีแอร์แบบบ้านเรา นั่งโยกๆ ไป ถ้าไปช่วงฤดูหนาวก็นั่งรับลมสบาย บางทีก็อาจจะหน้าชาหน่อยๆ 



- - กว่าจะสรุป 3 steps นี่ได้ เชื่อเถอะ ว่าใช้สติหนักมากเพื่อให้รอดพ้นจากการโดนหลอกแล้วโดนหลอกอีก เจอแม้กระทั่งบอกว่า  'No public bus to go  Hoi An'  อยากจะกรี๊ดใส่ --
แต่ทุกอย่าง ก็ soft ลงได้ ด้วยเมืองสีมัสตาร์ด :)



..

02: ที่พัก และ การเดินทางในฮอยอัน

 Hostel ที่นี้ เท่าที่ survey มาใน booking.com ถูกและดีมากกก 
โดยเฉพาะต่างชาติงานโคตรดี :P 



นะนำ  'Backhome hostel & Bar' สามารถจองได้ ใน booking.com แล้วค่อยมาจ่ายที่ hostel เอง  ที่นี้มีห้องหลากหลายแบบ ที่เราพักจะเป็น Female dorm 6  เตียง  ตกคืนละประมาณ 150,000 VND  ที่นอนสะอาดดี แล้วที่ชอบที่สุดก็การที่มีผ้าม่านปิดให้ความส่วนตัว  hostel นี้ยังมีมี free breakfast และมี Bar ที่เปิดยันเที่ยงคืน   ขอบอกว่าเปิดเพลง taste ดีมากก นอนเลยไม่ค่อยรู้สึกหนวกหู 


ส่วนการเดินทางในฮอยอัน ใครขี่มอเตอร์ไซด์ได้ก็ช่างเป็นบุญยิ่งนัก 
สำหรับใครที่ไร้ความสามารถเช่นเรา ก็ขอแนะนำ 'จักรยาน'  พาหนะคู่ชีพสำหรับท่องรอบฮอยอัน 
ค่าเช่าจะอยู่ประมาณ 25,000 VND ต่อวัน  ส่วนถ้าทำห่วงคล้องจักรยานหาย ก็โดนไป 60,000 VND (บอกไว้ เผื่อจะมีใครตามรอย _*_)



ที่นี้การขี่จักรยานเป็นเรื่องปกติ ระยะทางใกล้ไกลแค่ไหน เราจะมีคน local ขี่เป็นเพื่อน แม้ว่าการขี่จักรยานจะเป็นเรื่องสะดวกและธรรมดา แต่ก็ต้องโคตรระวัง เพราะที่นี้นอกจากจะขับรถคนละฝั่งกับเรานิสัยคนขี่มอเตอร์ไซด์ยังกับจบหลักสูตรมาจากบ้านเรากัน สวนทางบ้าง แทรกบ้าง และที่สะพรึงกว่าบ้านเรานิดนึง คือเสียงแตร  ที่ทำให้คนอย่างเราที่ไม่คุ้นชิน มักจะตกใจ และมีเกือบหักจักรยานลงนาข้าวข้างทาง (อยากจะบ้า) แต่จริงๆแล้วเสียงบีบแตรของเขา มีไว้เผื่อบอกให้เราระวัง ซึ่งเอาจริงๆมันดีนะ  เป็นการส่งสัญญาณล่วงหน้า  แต่ยังไงๆ เวลาขี่ก็เหล่มองหลังหน่อยนะ 



..

03: อาหารต้องห้ามพลาด

อาหารคาวมือแรกในฮอยอัน  เริ่มต้นที่ Well Coffee  เป็นกึ่งร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ ที่ซ่อนตัวอยู่ในตรอกเล็กๆ ซึ่งเป็นถนนทางผ่านไปยังเขตเมืองเก่า  ด้วยความหิวโซจากการเดินทางทั้งวันนนน  เห็นความน่ารักของร้านปุ๊ป เข้าข้างในปั๊ป แบบไม่ได้อ่านรีวิวใดๆ  และก็ เสร็จ  อิ่ม อร่อย !! 




2 เมนู Local ที่ซึ่งอ่านไม่ออก แต่อยากให้มาลอง คือ  Cao lầu และ Bánh bao bánh vạc 

 Cao lầu  = เกาเหลาเวียดนาม  เป็นอาหารท้องถิ่นของที่นี้ ตัวเส้นจะเป็นสีขาวๆให้ความรู้สึกแบบเส้นอุด้งญี่ปุ่น มีหมูสไตลด์ มีผักบ้านเค้าที่เยอะมว๊ากกก (อาหารคนรักสุขภาพที่แท้ทรู) ราดด้วยน้ำพะโล้ (รสชาติโทนๆนั้น) ที่ชอบที่สุดคือมีเกี๊ยวกรอบโรยออนเดอะท๊อป  คือ ดี๊ดีดี๊

Cao Lua
Bánh bao bánh vạc: White rose cake
ส่วน Bánh bao bánh vạc หรือ White rose cake/dumpling  เป็นเมนูโคตรเอกลักษณ์ของฮอยอันที่หาไม่ได้ที่อื่น เขาเคลมแล้วว่า ถ้ามาเหยียบที่นี้แล้วไม่ได้กินเจ้าเกี๊ยวกุหลาบนี้ ถึอว่ามาไม่ถึงเมืองเก่าฮอยอันนะเว้ยเห้ย ความรู้สึกที่กิน ก็คล้ายกับๆกินข้าวเกรียบปากหม้อ แต่ก็ไม่เหมือนซะทีเดียว มันมี texture ที่นิ่ม แล้วกรอบๆตรงปลายดอกกุหลาบ ข้างในจะเป็นหมู บางที่ก็อาจเป็นกุ้ง ชอบรสชาติของการมีหอมเจียว แล้วน้ำหวานๆ ราดด้านบน มันตัดกินดีนะ ก็คือ 5 ชิ้น กินคนเดียวหมด  !

ร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ที่สองที่อยากจะแนะนำคือ  Mot Hoi An  ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางในเมืองเก่า เดินยังไงเดี่ยวก็เจอ ที่ซึ่งมารู้ที่หลังว่า 'ดัง' และเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีเพราะความโด่งดังของ 'น้ำดอกบัว'  ที่อยู่ในแก้วกระดาษสีขาว มีกลีบดอกบัว 1 กลีบ และหลอดไม้ไผ่ (ที่ใจอยากจะเอากลับมาไทยด้วย)  มั่นใจว่า ตลอดทางที่เดินเล่นในย่านเมืองเก่า จะต้องเห็นคนถือ เจ้าแก้วนี้ แน่นอน ! 



นอกจากความสดชื่นของน้ำดอกบัวแล้ว ความสดใสของสีในร้านก็เป็นอะไรที่กระแทกตาเราสุด สำหรับคนที่ชอบใส่เสื้อผ้าสีสันคอนทราสต์กันอย่างเราแล้วนั้น การตกแต่งร้านแบบนี้ คือ the best !! 



นอกเหนือจากจะน้ำดอกบัวแล้วนั้น อีกเมนูที่อยากจะให้ลองกิน Com Ga Hoi An

Com Ga หรือ ข้าวมันไก่เวียดนามสไตล์ฮอยอัน อีกหนึ่งเมนูเอกลักษณ์ในฮอยอัน ที่ถึงแม้จะเป็นข้าวมันไก่ แต่ก็ค่อนข้างต่างกับของไทย ปกติเราแทบเป็นคนไม่กินข้าวมันไก่เลย เพราะไม่ชอบความเลี่ยนจากข้าวมัน แต่อันนี้ไม่รู้สึกถึงความเลี่ยนเลยซักนิด อาจเพราะรสชาติของซอส และผักบ้านเค้าที่ผสมๆอยู่ด้วยกัน 



และร้านสุดท้าย คือ Eat Hoi An ที่ซึ่งโคตรซ่อนตัวในซอย ที่หลงแล้วหลงอีกกว่าจะหาเจอ  แถมมีไปนั่งผิดร้านเฉย  เพราะรู้สึกว่าอยากกินอาหารที่แบบให้ความรู้สึกอยู่บ้าน ด้วยคนท้องถิ่น ก็เลยเป็นที่มาของการค้นพบร้านนี้ ไปโดยปริยาย

พอมาถึงร้าน ถึงรู้ว่าจริงๆที่นี้เป็น Cooking School ไว้สำหรับนักท่องเที่ยวให้มาเรียนรู้การทำอาหารเวียดนาม  เข้ามาก็เจอคู่ฝรั่ง กำลังฝึกทำกันอยู่ .. อิจ !! 



อิจ !! กว่า ที่พอพวกเขาทำกันเสร็จ ก็ยังจะได้โต๊ะริมน้ำ lunch time กันอี๊กกกกก
ส่วนเราน้านนนนนนนนน ~ ส่วนเกิน !! ฮ่าๆ



ที่นี้จะไม่ได้มี Menu list เหมือนร้านอาหาร  เขาจะมี Lunch set ให้เราเลือก วันนั้นไปเหมือนจะมีอยู่ 2 sets 

Set ที่เราเลือกจะเริ่ม starter ด้วย เปาะเปี๊ยทอดที่ซึ่งแป้งบางกรอบดีมาก  ชอบสุดคือ ไข่เจียวเวียดนาม (ตั้งชื่อเองบอกเลย ฮ่าๆ ) ที่รสชาติเหมือนขนมเบื้อง  





หลังจากกินคาว เราก็ต้องตามด้วยกินหวาน เพื่อไม่ให้ใครเค้าว่าด๊ายยย 


'คาเฟ่' ! โคตรเป็นสิ่งที่ทำให้ฮอยอัน เกินความคาดหวังของเราไปมากกกกก 
ยอมรับเลยว่าตอนแรกที่จินตนาการถึงคาเฟ่ที่นี้เอาไว้ คือ งั้นๆ  แต่พอมาเจอจริงๆ นี่แบบ 'ตูอยู่เวียดนาม หรือ เกาหลีใต้ว่ะ'  โคตรคูล โคตรชิค โคตรฮิปเตอร์ 

 คาเฟ่ ที่เราเลิฟ และติดใจมากๆ ถึงกลับต้องไปซ้ำก่อนกลับ ขอยกให้  The Bird House Cafe & Boutique  ที่อยู่ริมแม่น้ำทูโบน



ร้านกาแฟในสวนเก๋ๆ มีกลิ่นอายแบบวินเทจฝรั่ง ร่มรื่น และอากาศดีมาก ยิ่งที่เรามาช่วงมกรา ที่เป็นฤดูหนาวของที่นี้ คือนั่งๆอยู่ หลับจ๊ะ !  ชอบที่สุดคือที่นั่งกรงนกด้านหน้าร้าน ที่แม้เราจะนั่งด้านใน ก็ยังมองลอดกรงเห็นวิวด้านนอก ได้สบายๆ



และแน่ๆ เมนูเครื่องดื่มเด็ดๆ ที่ไม่ควรพลาด โดยเฉพาะถ้าใครที่ชอบกินกาแฟ 

>> Vietnamese Coconut Iced Coffee  << 

 ขอบอกเลยว่า ฉันรักเขามากกกก ให้หัวใจล้านดวง  คือปกติชอบกินแต่กาแฟเพียวๆ แบบพวก Americano  , Cold brew แต่พอเจอนี่ไป ยอม !!   มันดีมากๆตรงที่ พอเอา Coconut cream กับ Coffee มา blend ด้วยกัน แล้วรสชาติมันนวลๆ มีทั้งความขมของกาแฟตัดกับความหวานของรสชาติครีมมะพร้าว ซึ่งร้านนี้ทำได้แบบบาลาซน์กันดี เพราะมีไปกินอีกที่ใน ฮานอย รู้สึกหวานไปนิ๊ส 

Vietnamese Coconut Iced Coffee @ The Bird House cafe &boutique


ที่ร้านนี้ว่าวิวกลางวันก็ดีแล้ว วิวตอนกลางคืนนี้ก็โคตรดี  ในร้านจะใช้แสงไฟโทนส้ม ที่เหมาะกับการมา dating จิบ cocktail สวยๆ ตัดกับบรรยากาศด้านนอก แต่สำหรับ คนที่มาคนเดียว ก็ต้องลากเพื่อนใหม่ที่พี่งเจอมานั่งจิบกาแฟแทนอะนะ

 คือเครื่องหน้าเพื่อนชาว Canada สวยมาก!  ตัดกลับมาที่เรา    แค่ดั้งก็แพ้แล้ว T^T



จบจากรงนก ก็ถูก 'ต้นไม้สีส้ม' หน้าร้านกาแฟ Hoi An Roastery Expresso & Coffee  - Riverside  ดูดให้เข้าไปจิบกาแฟแก้วที่สองซะงั้น!  Hoi An Roastery น่าจะเป็นอีกหนึ่งร้านกาแฟที่ฮอตฮิต และมีเรื่องราวผูกผันกับเมืองหลวงเก่าสีมัสตาร์ตมายาวนาน ดูได้จากการมี 7 สาขาในฮอยอัน ! 

อ๋อ สาขาที่เรามา เป็นสาขาริมแม่น้ำทูโบน 



ที่นั่งด้านล่างจะมีทั้งหน้าร้าน และในร้าน  ส่วนที่นั่งด้านบนจะมองเห็นวิวเมืองที่สวยมาก ยิ่งมานั่งตอนใกล้ๆพระอาทิตย์ตก มองไปยังผู้คน และบรรยากาศของเมืองเก่า โคตรฟิน



การตกแต่งด้านในให้ความรู้สึกเหมือนร้านขายเครื่องหอม เอ๊ะ ฮ่าๆ  


และกาแฟแก้วที่สองของวันที่มาลองที่นี้ ก็คือ >> Egg Coffee << กาแฟไข่ !! อีกหนึ่งเมนูกาแฟเด็ดของเวียดนาม ที่ตอกไข่สดตีผสมเข้าไปกับนมข้นหวาน แล้วเทผสมลงไปในกาแฟดำ ที่ซึ่งทำให้กาแฟ กลายเป็น ขนม !  

ชอบ texture  มัน ที่แบบนุ่มๆ ฟองๆ ยวบๆ ตอนจิบครั้งแรก เออ แปลกกก ตอนแรกคิดว่าจะคาวแต่ไม่เลย ให้ความรู้สึกกินคัสตาร์ท   ... จากนั้นก็ ถามหาแต่ กาแฟไข่ กาแฟไข่ และกาแฟไข่ :)








00


ทริปแบกเป้คนเดียวต่างประเทศครั้งสุดท้าย ก.พ. 2020  ที่เขียนยังไม่จบสมบูรณ์

ค้นพบว่าตัวเองดองบทความนี้ไว้  28 ธ.ค. 2021 

  คิดถึงการเดินทางแบบนี้ว่ะ 

มาก 
























Comments